Sony ประกาศข่าวดี อย่างเป็นทางการถึง PS4 Pro ตัวใหม่ ซึ่งทางบริษัทใช้ Code Name ว่า Neo-exists ซึ่งกำลังจะวางขายเร็ว ๆ นี้
เครื่องเล่นเกมส์ PlayStation4 Pro ให้ความละเอียดภาพสูงสุดถึง 4K พร้อมกับระบบการเล่นเกมส์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด องค์ประกอบภายในตัวเครื่อง ได้รับการอัพเกรดใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยทำให้การเล่นเกมส์เป็นไปอย่างรื่นไหล แม้จะมีความละเอียดมาก ท้ายที่สุด นักพัฒนาเกมส์จะสามารถสร้างเกมส์ได้ 2 โหมด คือ PS4 base mode และ Pro mode ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเกมส์มากกว่าเดิม
หลังจากพิจารณาความสามารถของเครื่องเล่นเกมส์ตัวใหม่ เกมเพลย์ความละเอียดระดับ 4K HDR Ultra HD media จาก Apps พวก Netflix และ New Pro mode เราจะทำการเปรียบเทียบกับระบบที่มีอยู่
การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเครื่องเล่นเกมส์ตัวใหม่ PS4 Pro กับ PS4 ที่เรารู้จักกันดี มีอะไรบ้าง นั่นคือสิ่งที่เราจะมาหาคำตอบกัน
รูปลักษณ์ภายนอก PS4 Pro VS PS4
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่าง PS4 รุ่นอ้วน กับ PS4 Pro คือ ชั้นพิเศษที่เพิ่มเข้ามาใน PS4 Pro ในขณะที่ PS4 รุ่นอ้วน มี 2 ชั้นแยก โดยมีช่องสำหรับใส่แผ่น Disc และ ช่อง USB 2 ช่อง แต่ใน PS4 Pro มี 3 ชั้น
ขนาดความกว้างยาวของเครื่องเล่นเกมส์ก็เปลี่ยนไป PS4 รุ่นอ้วน มีขนาด 275.1×305.1×53.1 mm. ขณะที่ PS4 Pro มีขนาด 295x327x55 mm. นั่นหมายความว่า PS4 Pro มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ลึกกว่า 2 ซม. กว้างกว่า 2 ซม. ที่น่าสนใจคือ มีความสูงพอ ๆ กัน และ น้ำหนักมากกว่าประมาณ 0.5 กก. หรือ มากกว่า 1 ปอนด์
การเชื่อมต่อ
ในแง่ของการเชื่อมต่อ ทางด้านหลัง PS4 Pro ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับ PS4 ยกเว้น Port USB 3.0 ที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อกับแว่น VR หรือ อาจไม่มีก็ได้ เป็นช่องต่อที่สร้างความแปลกใจให้เราพอสมควร อย่างที่ทราบกันว่า PS4 ไม่มีอุปกรณ์เสริมอะไรที่ต้องใช้ USB ต่อเพิ่มทางด้านหลัง เว้นแต่ว่าในอนาคต Sony จะสร้าง Virtual Reality Hardware ออกมา
อีกสิ่งหนึ่ง คือ กล้องของ Playstation 4 ต้องอาศัย USB มากกว่า AUX connector ในปัจจุบัน ( ซึ่งใน PS4 Pro ต้องมีอย่างแน่นอน ) อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่าง คือ PS4 Pro มี audio output ที่มองเห็นได้จากทางด้านหลัง ความต่างสุดท้าย คือ port HDMI ที่อยู่ด้านหลังคอนโซล port ของ PS4 รุนเดิม เป็น HDMI 1.4 ในขณะที่ port ของ PS4 Pro เป็น HDMI 2.0 เพื่อรองรับ output ระดับ 4K ( ซึ่งอาจมีเพิ่มเติมในภายหลัง )
อุปกรณ์สำหรับอ่านแผ่นดิสก์ ( Optical Drive )
จุดบกพร่องอย่างชัดเจนของ Sony ระบบใหม่ แม้ PS4 Pro จะไม่มี Ultra HD Blu-ray player แต่ก็สามารถเล่นแผ่น Full HD 1080 p Blu-ray ได้เช่นเดียวกับ PS4 รุ่นเดิม การตัดสินใจละทิ้ง Ultra HD Blu-ray drive ของ Sony ยังเป็นที่สงสัย แต่หากพิจารณาแล้วอาจเป็นไปได้ว่า Blu-ray เป็นคุณสมบัติพิเศษที่มีอยู่ใน PS3 อาจเป็นไปได้ว่า Sony เก็บ Blu-ray ไว้ เพื่อใช้ในเครื่องเล่นเกมส์รุ่นถัดมา แต่อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ Xbox One S ได้มี High-end disc drive ซึ่งก็คงจะดีหาก Sony ปล่อย PS4 Pro มาพร้อมกับ High-end disc drive เช่นกัน
อุปกรณ์ภายใน PS4 Pro VS PS4
เป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนจาก PS4 รุ่นเดิม เครื่องเล่นเกมส์ทั้ง 2 รุ่น ใช้ AMD Jajuar x86-64 8-core CPU และ AMD อ้างว่า CPU เวอร์ชั่นที่ใช้ในรุ่น Pro เร็วกว่าเวอร์ชั่นที่อยู่ใน PS4 แต่น่าเสียดายที่ Sony ไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับความเร็วที่แท้จริง GPU มีความละเอียดมากขึ้นจาก 1.84 TFLOP ใน PS4 มาเป็น 4.2 TFLOP ใน PS4 Pro เพื่อให้รองรับฟังก์ชั่นความละเอียด 4K ระบบ Wi-Fi เครื่องเล่นเกมส์ PS4 Pro อัพเกรดเป็น 802.11ac และ ระบบบลูทูธ เวอร์ชั่น 2.1 – 4.0 ทั้ง 2 ระบบถูกใช้กับ PS4 Slim เช่นกัน ในส่วนของความจุฮาร์ดดิส PS4 Pro จะอยู่ที่ 1TB ในขณะที่ PS4 อยู่ที่ 500GB
ประสิทธิภาพ PS4 Pro VS PS4
เป็นเหตุผลสำคัญที่ควรค่าแก่การปรับเปลี่ยนจากฮาร์ดแวร์เดิม ไปสู่ PS4 Pro เพราะ PS4 Pro รองรับ 4K output แต่ PS4 รองรับแค่ความละเอียดระดับ Full HD 1080p เท่านั้น เมื่อมีบริการ Streaming เช่น Netflix ซึ่งหมายความว่าเครื่องเล่นเกมส์สามารถรับชมภาพยนตร์ และ TV ได้ด้วยความละเอียดสูง แต่น่าเสียดายที่เครื่องเล่นเกมส์ PS4 Pro ไม่มี Ultra HD Blu-ray drive นั่นหมายความว่าเครื่องเล่นเกมส์จะไม่สามารถเล่นแผ่นบลูเรย์ที่มีความละเอียด 4K ในส่วนของเกมส์นั้น ค่อนข้างมีความซับซ้อนกว่า เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้พัฒนาเกมส์ว่าจะใช้ความสามารถพิเศษของ PS4 Pro หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น Euro Gamer รายงานว่า เกมส์ The Last of Us ในเวอร์ชั่น PS4 Pro มี 2 options คือ 1. เล่นด้วยเฟรมเรต 30 fps ความละเอียด 4K และ 2. เล่นด้วยเฟรมเรต 60 fps ที่ความละเอียดลดลง ( ตัวเลขความละเอียดของภาพไม่เป็นที่เปิดเผย )
เกมส์อื่น ๆ เช่น Days Gone สามารถอัพสเกลเพื่อรองรับความละเอียด 4K ได้ รายงานชี้ให้เห็นว่า กระบวนการอัพสเกลที่ใช้นั้นมากกว่าแค่การขยายภาพ เกมส์สุดท้าย ที่ลงประกาศให้ทราบทั่วกัน คือ Deux Ex : Mankind Divided ถูกรายงานว่าการอัพสเกลทำได้ไม่ค่อยดีนัก บทเรียนที่ได้ชี้ให้เห็นว่า การจะได้ 4K Performance ที่ดี ต้องการนักพัฒนาที่ชาญฉลาด พอที่จะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างค่าความละเอียดเริ่มต้น และ เทคโนโลยีที่ใช้ในการอัพสเกล PS4 Pro ไม่มีพลังมากพอที่จะเล่นเกมส์ที่มีความละเอียดขนาด 4K ได้ หากทุกกราฟฟิคถูกเปิดพร้อมกัน แต่ในบางครั้ง ผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพึงพอใจ แม้การรองรับ HDR จะเป็นเรื่องใหม่ใน PS4 Pro แต่ฟังก์ชั่นเดียวกันนี้ ก็ถูกปล่อยให้ PS4 อัพเดทได้ผ่าน Firmware
มาถึงบทสรุป : การอัพเกรดที่ยิ่งใหญ่แบบก้าวกระโดด
PS4 Pro เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดจาก PS4 แต่เกม 4K ที่แท้จริงยังเกิดขึ้นได้ยาก หากไม่ได้รับการอัพเกรดแบบผสมผสานที่ลงตัว
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่าง PS4 Pro กับ PS4 คือ ชั้นพิเศษที่เพิ่มเข้ามา และ มีระบบภายในที่ถูกพัฒนาเพิ่มขึ้น มี GPU ที่เร็วมากกว่าเดิม แม้ CPU จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่เราก็ได้ยินมาว่า มันเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
แล้วเราควรจะอัพเกรดจาก PS4 ที่เรามีอยู่หรือไม่ ? คำตอบขึ้นอยู่กับคุณ ซึ่งถ้าหากคุณมี ทีวีที่รองรับระบบ 4K หรือวางแผนว่าจะอัพเกรดในอีกไม่กี่เดือนนี้ การซื้อ PS4 Pro จะเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่หากไม่ ก็ยังไม่ควรที่จะซื้อในตอนนี้ เพราะไม่คุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไป
พูดได้ว่า เรายังไม่มีตัวเครื่องอยู่ตรงหน้าเรา ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดคะเน เรารอการรีวิวแบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจากคอนโซลตัวใหม่นี้ถูกปล่อยออกมาในเดือนพฤศจิกายน เพื่อการตัดสินใจ