รีวิว Xbox One S : รุ่นใหม่บางกว่าเดิม รองรับ HDR/4K วีดีโอสตรีมมิ่ง จอยรองรับ Bluetooth 

 

Xbox One เป็นเครื่องเล่นเกมส์ ที่มีขนาดพอเหมาะ มีดีไซน์ที่ดูดี และ ใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่ เราคงต้องมาหาคำตอบในเรื่องนี้กันให้แน่ชัด

ย้อนกลับไปเมื่อ Microsoft เปิดตัว Xbox One ในปี 2003 ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ยากลำบาก แต่หลังจากนั้น บริษัทก็ปล่อย Kinect Camera กล้องจับความเคลื่อนไหว และ เริ่มพัฒนา Software ของตนเอง ให้มีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Xbox One S เป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงจาก Microsoft  พยายามสร้างความมั่นคง ให้กับระบบของ Xbox ที่มาในรูปแบบของอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลง มีการออกแบบที่ละเอียด และ ประณีตยิ่งขึ้น แถมด้วยฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามา แต่ในปี 2016 นี้ Xbox One S จะเหมาะกับคุณหรือไม่ มาดูรายละเอียดเชิงลึกในเรื่องนี้กัน

 

Xbox One S 01

อะไรอยู่ภายในกล่อง

 

ก่อนที่จะพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการดีไซน์ และ สเปก ของระบบใหม่ มาดูส่วนประกอบที่อยู่ในกล่องโดยรวมกันก่อน

Xbox One S มีอยู่ด้วยกันหลายรุ่นตั้งแต่ 500 GB ไปจนถึง 1 TB ซึ่งราคาก็จะมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่ 299$ ไปจนถึง 349$ ส่วนรุ่นที่จะนำมารีวิวนี้เป็นรุ่น 2TB ราคา 399$ ที่มาพร้อมกับ ฐานวางตัวเครื่องในแนวตั้ง , จอย Xbox One S , สาย HDMI , สายไฟ พร้อมรหัสทดลองใช้ Xbox Live Gold 14 วัน

คุณจะสังเกตเห็นว่าอุปกรณ์ภายในกล่องเหล่านี้ ยังไม่ได้รวม Kinect เอาไว้ด้วย ในขณะที่ Microsoft กล่าวว่า Xbox One S ยังคงสามารถรองรับ Kinect ได้ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อโดยใช้ Adapter USB ขายแยกต่างหาก ดังนั้นหากใครมี Xbox One พร้อมด้วย Kinect ก็มีสิทธิได้รับอแดปเตอร์ฟรี ซึ่งคุณจะต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ของ Microsoft แต่มันก็ยังมีขายแยก ในราคา 39.99$

ซึ่งภายหลังเมื่อได้มีโอกาสทดลองใช้ Kinect  Adapter ดูก็พบว่ามันสามารถใช้งานได้ดีบน Xbox S  แถมเมื่อทดสอบ Skype Call บน Kinect ก็ได้รู้ว่า เสียง และ คุณภาพของวีดีโอ อยู่ในระดับดี อย่างที่ได้คาดหวังเอาไว้

 

การออกแบบ

 

Xbox One แบบออริจินอลมีสีดำ และ มีขนาดใหญ่ ขนาดที่วัดได้คือ 13.1 x 10.8 x3.2 นิ้ว ซึ่งถ้าจะให้วิจารณ์กันตรง ๆ ก็คือ มันดูเหมือนกับ VCR หรือ เครื่องเล่นวีดีโอเทปขนาดใหญ่ ซึ่งก็ให้ความรู้สึกที่ว่ามันดูดีน้อยไปหน่อย ส่วน S Model ใหม่นั้น มีขนาดเล็กกว่าประมาณ 40 % โดยขนาดที่วัดได้คือ 11.6 x 8.9 x 2.5 นิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว Xbox S มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นออริจินอล ประมาณ 0.6 กิโลกรัม

 

Xbox One S 03

 

แทนที่จะเลือกสีดำเงา ที่ดูสวยงามเหมือนที่ใช้กัน Microsoft ตัดสินใจเลือกใช้ สีดำด้าน กับ สีขาว ที่ทางบริษัทเรียกว่า Robot White และ ในส่วนของพื้นผิวของตัวเครื่องนั้น จะมีพื้นผิวเป็นวงกลมขนาดเล็ก กระจายอยู่ครึ่งหนึ่งของตัวเครื่อง เพื่อช่วยในการระบายความร้อน แต่โดยรวมแล้ว Xbox One S ก็มีลักษณะภายนอกที่ดูหมดจดสะอาดตา

ตัวเครื่องขนาดเล็กของ Xbox S ทำให้เกิดความกังวลว่า มันอาจจะทำให้อุปกรณ์ มีความร้อนสูงเกินไป หรือ Overheat  หรือ อาจทำให้พัดลมมีเสียงดังขึ้น เพราะทำงานหนัก จากการระบายความร้อน แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดี ที่ในความเป็นจริง Xbox  S ทำงานได้อย่างเงียบสงบ แม้ในขณะที่กำลังเล่นเกมอยู่ และ เมื่อทดลองวางมือลงบนส่วนระบายความร้อน ก็ไม่ได้รู้สึกว่าร้อนจัดอย่างที่คิด

บางที อาจจะเพิ่มความประทับใจให้กับคุณ ได้มากขึ้นหากได้รู้ว่า Microsoft มีการจัดการส่วนประกอบทั้งหมดนี้ ด้วยการเก็บหม้อแปลงไฟเข้าไปไว้ในตัวเครื่อง ซึ่งเป็นแนวคิดทางด้านวิศวกรรมที่สร้างความประหลาดใจเล็ก ๆ ให้กับคุณ เพราะอย่างที่รู้ว่าหม้อแปลงไฟของเครื่องเล่นเกมส์ Xbox One มีขนาดใหญ่ถึง 6.6 x 1.8 x 2.9 นิ้ว

 

Xbox One S 02

 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสายไฟที่มีขนาดเล็ก แต่ก็มีความยาวที่น้อยลงกว่าเดิม เพราะสายไฟของ Xbox One รุ่นเก่า มีความยาวกว่าประมาณ 95 นิ้ว ในขณะที่สายไฟใหม่นี้ มีความยาวแค่ 60 นิ้ว

นอกจากนี้ได้ทำการตัด Kinect ออกไป ทำให้ราคาถูกลง ในขณะที่  Port ของ Xbox S ยังมีขนาดใหญ่อยู่เช่นเดิม ซึ่ง Port เหล่านี้ประกอบไปด้วย Port สำหรับชาร์จไฟ , USB 3.0 , HDMI in และ HDMI out , S/PDIF , IR out , Gigabit Ethernet และ Lock Port ในขณะที่ฟีเจอร์ของ S ยังคงวางตำแหน่งปุ่มเอาไว้เช่นเดิม เหมือน Xbox One รุ่นเก่า แม้จะมีบางส่วน ที่ถูกย้ายออกไปไว้ในส่วนรอบ ๆ

Xbox One รุ่น original มีการวางปุ่ม USB  เอาไว้ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ในขณะที่ S ย้ายเอามาไว้ด้านหน้า ซึ่งในพื้นที่ที่จำกัดนี้ก็ยังสามารถทำให้การจับคู่ จอย Xbox One S ทำได้ง่ายขึ้น และ ช่วยให้มีช่องสำหรับใส่ USB drives ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยม

ในขณะที่ PlayStation 4 ถูกออกแบบมาให้วางตัวเครื่องในแนวตั้ง แต่ Xbox One ถูกออกแบบมาให้วางในแนวนอน ซึ่งในส่วนนี้ Microsoft จึงได้วางระบบระบายความร้อนของตัวเครื่องเล่นเกมส์ ด้วยการใช้พัดลมขนาด 12 เซนติเมตร ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เอาไว้ด้านบนของตัวเครื่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถวางตัวเครื่องในแนวตั้งได้

 

รายละเอียดของเครื่องเล่นเกมส์ Xbox One S

 

ส่วนประกอบของระบบภายใน ส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม Xbox One S ยังคงใช้ CPU 8 core จาก AMD กับ DDR3 RAM 8 GB พร้อมด้วย eSRAM 32 MB จาก GPU ซึ่งเมื่อพูดถึง GPU แล้ว ใน Xbox  S ความถี่ของ GPU จะเร็วขึ้นถึง 7 % นั่นคือมีความถี่ ถึง 853 MHz – 914 MHz ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว มันจะทำให้เฟรมเรตเพิ่มขึ้น แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน

ระบบโดยรวมของ Xbox S ถือว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถรองรับ HDR และ 4K วีดีโอสตรีมมิ่งได้

ข้อมูลจำเพาะ

CPU : 1.75GHz AMD 8-core custom CPU

RAM : 8GB DDR3 ความเร็วในการประมวณผลที่ 2133MHz

GPU: Integrated AMD ความเร็วในการประมวณผลที่ 914 MHz

ความจุ : 00GB/1TB/2TB

Optical Drive : 4K และรองรับ HDR , เครื่องเล่น Blu-ray และ DVD

เครือข่าย : Gigabit Ethernet, เครือข่ายไร้สาย WiFi A/B/G/N/AC 2.4GHz และ 5GHz

การเชื่อมต่อ : พอร์ต Power สำหรับชาร์จไฟ , พอร์ต 2x USB 3.0 , HDMI 2.0a out และ HDMI 2.0a in , S/PDIF ,  IR out , Gigabit Ethernet , และ พอร์ต lock

 

Xbox One S 01

HDR คืออะไร ?

 

HDR คือเทคโนโลยีที่ให้ความคมชัดสูง มีค่า Contrast Ratio ระหว่าง สีดำ และ สีขาวสูง ทำให้แสดงภาพได้อย่างมีมิติสมจริง สามารถแสดง Range ของสีได้กว้างมาก ที่สำคัญคือ สีที่แสดงจะมีความสว่าง และ เจิดจ้ามีชีวิตชีวามากขึ้น ในขณะที่สีดำจะมีความเข้มมากขึ้น ซึ่งมันก็พร้อมจะเป็น สิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในวันข้างหน้า และ เช่นเดียวกับเทคโนโลยี 4K ผู้ใช้จะต้องมีทีวีที่สามารถรองรับ HDR ได้ อีกทั้งยังต้องมีภาพยนตร์ หรือ เกมที่รองรับ HDR ได้ด้วย อย่างเช่น Gears of War 4 และ Forza Horizon 3 เป็นเกมที่รองรับ HDR ซึ่งกำลังจะวางจำหน่าย

ในขณะที่พื้นที่ 2TB ของ Xbox One S มากเพียงพอสำหรับผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไป ซึ่งก็ทำให้เกิดความอยากรู้ว่าหากติดตั้งโปรแกรมต่าง ๆ เพิ่มเติมลงไปจะยังมีพื้นที่เหลืออีกเท่าไหร่ จากที่ดูแล้วเห็นว่ามีพื้นที่เหลืออยู่ประมาณ 1.6 TB ที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ระบบปฏิบัติการ และ ส่วนอัพเดท ใช้พื้นที่ไปประมาณ 400 GB ฟังดูค่อนข้างบ้ามาก ๆ

สิ่งที่น่าผิดหวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ Hard drive มีความเร็วที่ค่อนข้างช้า ประมาณ 5,400 rpm ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ใน Xbox One ตัวออริจินอล ที่แย่ก็คือ คุณยังไม่สามารถอัพเกรดไดรฟ์ ให้มีความเร็วมากกว่านี้ หรือ มีพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่านี้ได้ และ แม้ว่าจะมีการอัพเกรดในพื้นที่ส่วนอื่น ๆ แต่การบูต และ การติดตั้งเกม ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะทั้ง Xbox S และ Xbox One original ยังคงใช้เวลาในการติดตั้งเกม Battlefield 4  อยู่ที่ 34 นาที พอ ๆ กัน

จอย Xbox One S

 

 

จอย Xbox One S

 

ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในบางส่วน อย่างการใช้พลาสติกให้น้อยลง เพื่อให้ดูเรียบง่าย หรูหรา มากขึ้น หากคุณไม่ชอบ จอย Xbox One รุ่นก่อนหน้านี้ คุณก็ยังจะไม่ชอบมันเหมือนเดิม

จอย Xbox One S มีสีขาว และ สิ่งที่จะต้องให้ความสนใจก็คือ Texture Grip ซึ่งเป็นพื้นผิวสำหรับยึดเกาะแบบใหม่ ที่มีลักษณะเหมือนกับกระดาษทราย ที่ค่อนข้างนุ่มนวล ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า จอย Xbox One รุ่นเดิม จะต้องการสิ่งนี้หรือไม่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มีประสบการณ์ในการเล่นเกม ที่แตกต่างกันสักเท่าไหร่นัก

จอยตัวใหม่ของเครื่องเล่นเกมส์ Xbox One S รองรับ Bluetooth ที่สามารถจับคู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ PC ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมี Xbox One Wireless Adapter For Windows ถ้าคุณต้องการ Microsoft ยังบอกด้วยว่า Thumbstick ได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีความทนทาน ต่อการสึกหรอมากขึ้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นความแตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน

ผู้ใช้บางคนอาจจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่า ต้องใส่แบตเตอรี่ AA หนึ่งคู่ ลงในตัวจอย ที่ไม่สามารถชาร์จไฟได้ เหมือนกับจอยของเครื่องเล่นเกมส์ PlayStation 4 นอกจากนี้ ก็ยังมีสิ่งที่น่าผิดหวังเพิ่มเติม ที่จะเห็นว่า ไม่มีตัวชี้วัดแบตเตอรี่ (Battery Indicators) บนตัวจอย

ในขณะที่ จอย Xbox One S  โดยรวมก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไร แต่อาจจะมีส่วนที่ไม่ค่อยชอบก็คือ Shoulder Buttons ที่วางตำแหน่งค่อนไปทางด้านหลัง ทำให้นิ้วต้องยืดไปข้างหน้ามากไปหน่อย ซึ่งทำให้รู้สึกว่าใช้งานยากอยู่บ้าง

 

ข้อสรุป

 

 

Xbox One S 02

การที่ Microsoft ประกาศว่าเครื่องเล่นเกมส์รุ่นใหม่ Project Scorpio จะมาถึงในปีหน้านี้ ทำให้ Xbox One S อยู่ในจุดที่ค่อนข้างลำบาก เพราะผู้ใช้อาจจะกำลังคิดว่า ควรซื้อ Xbox S ตอนนี้เลย หรือ รอเครื่องเล่นเกมส์ ตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

หากตอนนี้ คุณมี Xbox One อยู่แล้ว และ กำลังรอเครื่องเล่น HDR/4K/Blu-ray ซึ่งหากจะตัดสินใจซื้อ Xbox S ก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะแม้ว่ามันจะมีราคาถูกกว่า เครื่องเล่น HDR/4K/Blu-ray แต่ก็ยังไม่ใช่เครื่องเล่นวีดีโอสตรีม HDR/4K ที่ถูกที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องเล่นเกม NVIDIA SHIELD หรือ Android TV ก็ยังมีราคาถูกกว่า S Model อยู่ประมาณ 200$ แต่มันก็ไม่มีไดรฟ์ 4K HDR Blu-ray แต่หากคุณยังไม่มี Xbox One และ ต้องการเครื่องเล่นเกมส์ ที่สามารถเล่น HDR/4K/Blu-ray การตัดสินใจซื้อ Xbox One S ก็เป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้ และ หากมี Xbox One อยู่แล้ว ก็ขอแนะนำให้อัพเกรดเพิ่มเติม ยกเว้นแต่ว่าคุณจะต้องการเครื่องเล่นเกมที่รองรับ 4K/HDR ตอนนี้เลย

หากตอนนี้คุณยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับ Xbox One แต่ต้องการเครื่องเล่นเกมส์ที่สามารถชดเชยข้อบกพร่อง และ ใช้งานได้ดีขึ้น ก็ทำให้การซื้อ Xbox One S เป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะมันเป็นเครื่องรุ่นเดียวในขณะนี้ที่มีความบาง พร้อมด้วย HDD ที่มีความจุมากถึง 2TB ในราคาที่เหมาะสม และ มีคุณสมบัติ ในการเล่นวีดีโอ 4K/HDR ได้

แต่หากคุณไม่สนใจสิ่งใด ๆ ข้างต้น และ ต้องการแค่การเล่นเกมของเครื่อง Xbox One ก็ขอแนะนำให้เลือก Xbox One มากกว่า S Model

Xbox One S อาจจะไม่มีการยกเครื่องใหม่อะไรอีก ดังนั้นคุณจึงต้องรอ Project Scorpio ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเครื่องเล่นเกมส์ที่น่าจะมีคุณสมบัติ และ ฟีเจอร์การใช้งานที่ดีกว่า Xbox One ในขณะนี้

 

 

 

Share This